[Customer Self Repair] หมายเหตุการป้องกันการปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต (ESD)

ไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นได้อย่างไร    test editing 

โดยทั่วไปมีสามเงื่อนไขในการเกิดไฟฟ้าสถิตจากร่างกายมนุษย์:

  1. อากาศแห้ง: การอยู่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานานจะเกิดไฟฟ้าสถิตในสภาพแวดล้อมง่ายกว่า หลังจากเปิดเครื่องปรับอากาศ อากาศจะแห้งและจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตบนพื้นผิว เมื่อความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 40%
  2. จากเสื้อผ้า: ไฟฟ้าสถิตเกิดจากการเสียดสีกันของวัตถุ โดยเฉพาะเสื้อที่มีส่วนผสมของเส้นใยโพลีเอสเตอร์ เมื่อสวมใส่แล้วเดินแกว่งแขนไปมา จะทำให้ผิวเราและเสื้อเกิดการเสียดสีกัน จะทำให้ประจุไฟฟ้าเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ พอเราไปจับสิ่งของที่เป็นโลหะ หรือสิ่งต่างๆ ก็อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้
  3. จากสภาพผิวสำหรับคนผิวแห้งจะสร้างไฟฟ้าสถิตได้ง่ายกว่า: คนที่มีผิวแห้งจะมีน้ำบนผิวน้อยกว่า ดังนั้นค่าการนำไฟฟ้าจะลดลงและไฟฟ้าสถิตจึงปล่อยออกได้ยาก ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่ายเพราะสะสมประจุในร่างกาย

 

ESD (การคายประจุไฟฟ้าสถิต)

เช่นเดียวกับที่ประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ในก้อนเมฆ และจะคลายออกมาทันทีในรูปแบบสายฟ้าฝาด โดยความแรงสามารถทำให้พื้นแตกได้ โดยปกติจะเกิดขึ้นในขณะที่วันฝนตกเพราะความชื้นในอากาศที่สูงช่วยให้นำกระแสไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น

นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ส่วนประกอบไฟฟ้าทั้งหมดหรือวงจรรวมถูกทำลาย เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าสถิตที่สูงมากแบบทันทีทันใด (แรงดันหลายพันโวลต์หรืออาจสูงกว่านั้น) ดังนั้นการทำลายแบบนี้จะคงอยู่ถาวรและทำให้วงจรไหม้โดยตรง ดังนั้น การป้องกันการปล่อยไฟฟ้าสถิตจึงเป็นหัวข้อที่ยากสำหรับนักออกแบบและผู้ผลิต IC ทุกคน

ไฟฟ้าสถิตมักจะเกิดขึ้นเอง เช่น กระบวนการผลิต การประกอบ การจัดเก็บ หรือการขนส่ง ซึ่งไฟฟ้าสถิตสามารถเกิดจากภายในร่างกายมนุษย์ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้ หรือแม้แต่เครื่องมือก็จะเก็บไฟฟ้าสถิตเอง ผู้ใช้จึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าไฟฟ้าสถิตจะเกิดขึ้นเมื่อใดจนกระทั้งไปสัมผัสวัตถุเหล่านี้ไฟฟ้าจึงจะถูกปล่อยออกมา จากนั้นส่วนประกอบหรือระบบไฟฟ้าจะถูกทำลายโดยการปล่อยไฟฟ้าสถิต (ดังนั้น ช่างซ่อมจึงต้องสวมสายรัดข้อมือป้องกัน ESD เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตจากร่างการมนุษย์ที่จะทำลายชิป)

 

(ภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าส่วนประกอบไฟฟ้าถูกทำลายโดยไฟฟ้าสถิต [ESD])

 

คำเตือน: ESD อาจทำให้ส่วนประกอบไฟฟ้าภายในคอมพิวเตอร์ของคุณเสียหาย มันยังอาจกักเก็บอยู่บนร่างกายหรือวัตถุใดๆ ของคุณ แล้วปล่อยไปยังวงจรรวมหรือส่วนประกอบทางไฟฟ้า เช่น หน่วยความจำ เมนบอร์ด การ์ดจอ ฯลฯ และทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย หากคุณปล่อยไฟฟ้าสถิตออกจากร่างกายก่อน ช่วยป้องกันผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่เสียหายจากการคายประจุไฟฟ้าสถิต

  1. ก่อนใช้บรรจุภัณฑ์ของส่วนประกอบที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต โปรดอย่านำออกจากถุงป้องกันไฟฟ้าสถิต คุณควรปล่อยไฟฟ้าสถิตออกจากร่างกายก่อน
  2. โปรดจัดการส่วนประกอบที่ไวต่อไฟฟ้าสถิตทั้งหมดในบริเวณที่ป้องกันไฟฟ้าสถิต หากเป็นไปได้ โปรดใช้แผ่นรองพื้นป้องกันไฟฟ้าสถิต
  3. หากคุณต้องการขนส่งส่วนประกอบที่ไวต่อไฟฟ้าสถิต โปรดใส่ลงในถุงหรือภาชนะป้องกันไฟฟ้าสถิตก่อน

 

หมายเหตุเกี่ยวกับการป้องกันไฟฟ้าสถิต ESD:

  • วิธีปล่อยไฟฟ้าสถิตออกจากร่างกายมนุษย์
    กรุณาสัมผัสวัตถุที่เป็นโลหะกับร่างกายของคุณ คุณยังสามารถวางมือของคุณบนผนังหรือพื้นเพื่อปล่อยไฟฟ้าสถิต หรือจับที่จับประตูเพื่อเหนี่ยวนำไฟฟ้าสถิตจากร่างกายผ่านมือลงสู่พื้นดิน
  • การเดินด้วยเท้าเปล่าจะช่วยปล่อยไฟฟ้าสถิตที่สะสมอยู่บนพื้นผิวของร่างกาย (ยกเว้นพื้นที่ปูด้วยวัสดุที่เป็นฉนวน)
  • เพิ่มความชื้นในอากาศเพื่อให้กระแสไฟสถิตบางส่วนถูกปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย จากนั้นคุณสามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่กระแสไฟฟ้าสถิตของร่างกายถูกปล่อยออกมา.

 

หมายเหตุการป้องกัน ESD ระหว่างการใช้งาน:

  • ถอดโลหะหรือวัตถุที่มีรอยขีดข่วนง่ายทั้งหมดออกจากมือของคุณ (เช่น แหวน นาฬิกา หรือเสื้อคลุม เป็นต้น)
  • ห้ามทำงานในบริเวณที่เกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่าย (เช่น พรมไฟเบอร์ หรือใส่ถุงเท้าผ้าวูล เป็นต้น)
  • รักษาพื้นที่ทำงานให้สะอาดและกว้าง และไม่ใช้พรมที่ใช้เส้นใยจากไฟเบอร์
  • หลังจากใช้งาน ให้ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จนกว่าไฟ LED แสดงสถานะจะดับลง จากนั้นถอดสาย AC adapter ออก
  • หลังจากแยกชิ้นส่วนกล่องด้านล่าง ขั้นตอนแรกคือการถอดปลั๊กการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ (หากเป็นแบบสลัก) จากนั้นดันสายเคเบิลของแบตเตอรี่ออกเพื่อตัดพลังงานแบตเตอรี่ (สำหรับการออกแบบแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถพกพาได้)
  • กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 15 วินาทีเพื่อยืนยันว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีสถานะ Zero Potential จากนั้นคุณจึงสามารถเริ่มการซ่อมแซมได้